การใคร่ครวญ
การใคร่ครวญ
- Details
- Super User
- Sample Data-Articles
ที่นี่จัดขึ้นไว้สำหรับให้ท่านได้ใคร่ครวญหุบเขาดูเหมือนจะมีความสงบสุขแล้วเราทราบดีว่านี่ไม่ใช่ความสงบสุขเสมอไปเส้นแบ่งเขตแดนของความป่าเถื่อนและความมีอารยธรรมของมนุษย์ได้ถูกลุกล้ำมาแล้วณสถานที่แห่งนี้
ท่านเซอร์จอห์นคาร์ริกกล่าวว่า
“ สิ่งที่เราได้เรียนรู้ในระยะสามปีครึ่งนั้นมันไม่ใช่มนุษย์ผู้สร้างความป่าเถื่อน
แต่เป็นระบบของรัฐบาลและส่วนตัวผมเองต้องใช้เวลานานพอสมควร
กว่าผมจะมีความเข้าใจว่าทหารรับจ้างเหล่านั้น
ทำในสิ่งที่เขาถูกสั่งให้ทำเพราะเขาเองก็ถูกกดขี่ข่มเหงมาเหมือนกัน
พวกญี่ปุ่นนำชาวเกาหลีเข้ามาทหารเกาหลีเองก็ถูกกระทำทารุณกรรมมาก่อนหน้านี้
พวกนี้ก็เลยมาทำทารุณกรรมกับเราต่อ
ธรรมชาติของมนุษย์คงที่เสมอมันขึ้นอยู่กับธรรมชาติของสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมทางด้านการเมืองหรือสังคม
ซึ่งจะถูกปรับตัวเข้าหาเสมอมันจะเบ่งบานหรือปลดปล่อยประชาชนให้เป็นอิสระก็ได้
หรือจะเป็นเผด็จการอย่างเช่นทหารญี่ปุ่นที่สร้างทางรถไฟสายนั้นก็เป็นได้”
ไม่ว่าจะเป็นทหารคนใดที่ต้องผ่านความสยดสยองของเหตุการณ์น่าเศร้าใจบทนี้ในประวัติศาสตร์จะต้องเป็นผู้เคยฝากความอยู่รอดไว้กับโชคชะตามาก่อนในขณะเดียวกันเขาเหล่านั้นก็ได้โชคช่วยทำให้ได้รู้จักเพื่อนตายเช่นกัน
ดังที่คุณบิลแฮสเกลล์อธิบายไว้ว่า
“ คุณร่วมจมหัวจมท้ายกับเพื่อนของคุณ
คุณทำงานเป็นทีมและคุณให้ความจริงใจของคุณ
เพราะที่นั่นคุณไม่สามารถให้อะไรกับใครนอกจากความเป็นเพื่อน
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่คุณให้ได้
คุณให้ไม่ได้แม้แต่อาหาร
หรือเสื้อผ้าหรือไปเที่ยวเตร่กับเพื่อนหรืออะไรอย่างอื่นก็ตาม
สิ่งที่คุณให้ได้คือให้ความเป็นเพื่อนเท่านั้น
ในขณะที่งานรึก็หนักและเป็นงานที่คุณหรือใครๆก็หลบเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนต้องทำเหมือนกันหมด
หากคุณไม่ทำงานมันหมายถึงคุณป่วยจนทำงานไม่ได้กรณีเดียวเท่านั้น ”
นายแพทย์โรวรี่ริชาร์ดเน้นเรื่องเพื่อนตายว่าเป็นส่วนสำคัญของความอยู่รอดไว้ดังนี้
“ ผมไม่เคยเห็นผู้ป่วยชาวออสเตรเลียที่ไม่มีเพื่อนดูแลเลย
มันเป็นความรักต่อเพื่อนมนุษย์มิใช่แบบเพศสัมพันธ์
แต่เป็นความรักแบบพี่น้องกันจริงๆ
ความสงสารมิตรภาพและสิ่งต่างๆเหล่านั้น
อย่างที่ผมพูดหากเชลยคนหนึ่งป่วยจนไม่สามารถลุกไปทานอาหารได้
เขาก็จะมีเพื่อนคนใดคนหนึ่งเอามาให้ทานถึงเตียงเสมอ”
เหล่าเชลยที่รอดพ้นโศกนาฏกรรมทางรถไฟสายพม่าไทยนี้ต่างยอมตายแทนกันได้เขาเหล่านี้จะมีความสนิทกันมากกว่าญาติมิตรทางสายเลือดเสียอีก
ดั่งที่คุณบิลแฮสเกลล์พรรณาว่า
“ หากผมเดินไปคุยกับใครก็ตามที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตว่าเขาเป็นใคร
มาจากไหน แต่ถ้าเขาร่วมทำงานสร้างทางรถไฟสายนี้ละก็
ผมมีหัวข้อสนทนาขึ้นมาทันที
และผมจะรู้สึกถึงความทุกข์สุขของคนผู้นั้นทันทีเหมือนกัน
ผมเข้าใจความรู้สึกเขาเช่นญาติของผมเองนี่เป็นสิ่งประหลาด
แต่ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นกับเชลยศึกทุกคนทุกคนที่ต้องการความอยู่รอด
พวกเขาต้องอยู่ด้วยกันอุดมการณ์เดียวกันและคุณจะรู้สึกเหมือนว่า
เขาไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าเลยมันลึกมากและจริงใจมาก
และมันก็สามารถผ่านการทดสอบของกาลเวลาได้เสมอ”