ช่องตัดแฮมเมอร์แอนด์แท๊บ
ช่องตัดแฮมเมอร์แอนด์แท๊บ
- Details
- Super User
- Sample Data-Articles
ในงานขุดเจาะหินบนเขาครั้งนี้พวกแรงงานไม่มีเครื่องมือใดๆใช้ทั้งสิ้นมีแต่ค้อนทุบและเหล็กสกัดเท่านั้นทรัพยากรพื้นที่ป่าโดยรอบถูกทำลายหมดไม้สักและไม้เนื้อแข็งอื่นๆถูกล้มมาทำไม้หมอนรถไฟและโครงเสาให้สะพานไม้ในป่าถูกตัดและขนย้ายบางครั้งมีการใช้ช้างมาช่วยขนแต่ส่วนมากพวกเชลยที่ซูบผอมเป็นพวกที่ต้องขนท่อนซุงและไม้หมอนเอง
คุณอิริกวิลสันจำความได้ว่า
“ในค่ายแห่งหนึ่งพวกเราไปถึงก่อนพวกวิศวกรที่จะพร้อมทำงาน พวกนั้นเลยให้เราใช้เลื่อยยาวล้มต้นไม้
ซึ่งเราต้องใช้เป็นเสาสำหรับสะพานในตอนหลัง
ถึงแม้ว่าพวกทหารญี่ปุ่นจะยืนยันให้เราตัดต้นไม้จนเกือบล้ม
แต่พวกเราก็จะหลบฉากออกมาก่อนเสมอ
และต้นไม้ก็ค่อยๆล้มไปในทิศทางที่เรากะคาดกันเอาไว้เรายังคิดเลยว่า
การทำเช่นนี้เป็นการเล่นสนุก
มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มเราก็ถามหัวหน้าผู้คุมชาวญี่ปุ่นว่า
เมื่อไหร่จะได้ช้างมาดันต้นไม้พวกนี้ให้ล้ม
ทหารผู้นั้นตอบว่าไม่มีช้างมีแต่อังกฤษ
เพราะเข้าใจว่าพวกเราเป็นชาวอังกฤษทั้งหมด
แล้วก็บอกเราว่าไม่มีช้าง ไม่มีช้างแล้ว”
คุณเรย์พาร์คินขยายความเรื่องการล้มต้นไม้ที่ริมภูเขาหินบนถนนหินตกว่าต้นไม้พวกนี้งอกออกมาจากก้อนหินและรากก็ดูเหมือนจะแยกลำต้นด้วยพวกนี้เป็นไม้สักไม้มะฮอกกานีไม้ยางไม้กระถินไม้นุ่นและไม้ชนิดอื่นๆที่ผมไม่รู้จักเลยการล้มต้นไม้ต้องอาศัยฝีมือมากเราเริ่มจากด้านล่างของลำต้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนที่อยู่ข้างล่างถูกทับและเรายังต้องเลี่ยงมิให้เถาวัลย์พันลำต้นเพราะเถาวัลย์ที่ขึ้นตามลำต้นจะรั้งมิให้ต้นไม้ล้มขั้นต่อไปต้องใช้ความชำนาญสักนิดเราต้องเลือกต้นที่พอจะล้มได้และต้องวิ่งหลบทันที่ที่ล้มถ้าล้มอย่างไม่ถูกวิธีและทำให้ต้นอื่นล้มตามมาจากด้านบนท่อนซุงทั้งท่อนจะล้มและเด้งกระดอนลงเขาเหมือนสิ่งมีชีวิตทีเดียว
คุณรอยดอนคอร์นฟอร์ดอยู่ในกลุ่มมือวางไม้หมอนเล่าให้ฟังว่า
“ พวกเราอยู่ในแก็งวางไม้หมอนดังนั้นเราก็มีค่ายอื่นๆอยู่ด้านหน้าของเรา
พวกเขาเป็นพวกที่ต้องคอยถางป่า
และทำตลิ่งข้างรางรถไฟเตรียมเอาไว้พอสร้างตลิ่งเสร็จ
เราก็จะตามเข้าไปวางไม้หมอน
พวกเราจะวางไม้หมอนได้ระยะหนึ่งแล้วก็กลับไป
หลังจากนั้นพวกเราต้องนำทุ่นโลหะไปวางระหว่างรางรถไฟ
แล้วเราก็ต้องถอดทุ่นออก
แล้วพวกนั้นก็จะนำรถไฟเข้ามาหลายขบวนมากขึ้น
ทุ่นโลหะและก็ไม้หมอนก็ต้องเพิ่มขึ้นตาม
พวกเราทำงานนั้นไม่นานก็ล้าจวนตายทีแรกเราต้องแบกไม้หมอนเอง
และก็ในตอนท้ายๆทหารญี่ปุ่นใช้แรงงานคนเอเชียแบกไม้หมอน
เพราะแรงงานเชลยที่มีชีวิตอยู่นะมีเหลือไม่พอ”
นายแพทย์ลอยด์คาร์ฮิลเล่าเรื่องที่ท่านค้นพบการใช้งานอื่นสำหรับรางรถไฟที่เพิ่งวางเสร็จว่า
“ผมเบื่อมากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโคลนตม
ผมเลยปีนขึ้นไปบนรางรถไฟ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ดีพอสำหรับผม
เพื่อไปพักผ่อนบนนั้น
ผมวางก้นระหว่างไม้หมอนและก็ใช้ไม้หมอนเป็นที่หนุนศีรษะนะครับ
คืนหนึ่งผมได้ยินเสียงรถไฟวิ่ง
ตอนประมาณเวลาสี่ทุ่มเห็นจะได้ผ่านมาทางป่า
แต่ที่ไหนได้กลายเป็นรถบรรทุกเหล็กขนาดเล็กเหมือนกับรถที่นำพวกเรามาที่นี่
และก็เมื่อมาถึงประตูก็เปิดออกปรากฏว่ามีผู้หญิงโผล่ออกมาหลายคน
แต่งตัวเหมือนนางพยาบาล
และก็แน่นอนนี่คือสถานนางโลมเคลื่อนที่ที่เพิ่งเดินทางมาถึงสถานีแห่งนี้นั่นเอง”
พวกผู้หญิงที่มากับขบวนรถรอบดึกมีชื่อเรียกกันว่านางโลมผู้ให้ความอบอุ่นและพวกเขาเองก็เป็นเชลยในอีกรูปแบบหนึ่ง